มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

http://www.msu.ac.thมหาวิยาลัยมหาสารคาม
มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ผู้ติดตาม

วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2553



บุหรี่

บุหรี่ มีสารต่างๆ หลายชนิด แต่สารสำคัญที่ทำให้เกิดการเสพติดคือ นิโคติน เป็นสารแอลคะลอยด์ที่ไม่มีสี นิโคติน 30 มิลลิกรัมสามารถทำให้คนตายได้ บุหรี่ธรรมดามวนหนึ่งจะมีนิโคตินอยู่ราว 15-20 มิลลิกรัม ก็คือจำนวนนิโคตินในบุหรี่ 2 มวน สามารถทำให้คนตายได้ในทันที แต่การที่สูบบุหรี่ติดต่อกันหลายมวนแล้วไม่ตาย ก็เพราะว่ามีนิโคตินในควันบุหรี่ เป็นส่วนน้อยที่เข้าสู่ร่างกายของผู้สูบ



สาเหตุของการติดบุหรี่

1 ) ทำตามเพื่อน เพราะเห็นเพื่อน ๆ บางคนสูบโดยอ้างว่าเพื่อจะเข้าสังคมกับเพื่อนได้

2) สภาพแวดล้อมภายในครอบครัวชักนำ เกิดจากสมาชิกบางคนในครอบครัวสูบบุหรี่ เช่น พ่อ แม่ ลุง น้า จึงต้องการเอาอย่างบ้าง 3 ความอยากทดลอง เพราะอยากรู้อยากเห็น

4ื ) ยึดถือค่านิยมผิด ๆ คิดว่าการสูบบุหรี่เป็นการโก้เก๋ หรือเป็นลูกผู้ชาย

5 ) อิทธิพลจากการโฆษณาของสื่อมวลชน ทั้งจากภาพยนตร์ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์

6) ความเชื้อที่ผิดๆ เช่น เชื่อว่าเมื่อสูบบุหรี่จะทำให้สมองปลอดโปร่ง จิตใจเเจ่มใสและไม่ง่วงนอน เป็นต้น

พิษจากควันบุหรี่

1 . นิโคติน ( Nicotine ) เป็นสารระเหยในควันบุหรี่ และเป็นสารที่รุนแรงมากที่สุดอย่างหนึ่ง ละลายน้ำได้ดี ไม่มีสี ถ้าสูบบุหรี่ 1 มวน ร่างกายจะได้รับนิโคตินในควันบุหรี่ 0.2 - 2 มิลลิกรัม หากมีอยู่ในร่างกายถึง 70 มิลลิกรัม จะทำให้ถึงแก่ความตายได้ มีผู้ทดลองนำนิโคตินบริสุทธิ์ เพียง 1 หยด ป้ายลงบนผิวหนังกระต่าย มีผลทำให้กระต่ายตัวนั้นช็อกอย่างรุนแรงและถึงแก่ความตาย แม้จะไม่ได้เข้าสู่ภายในร่างกายทางปากหรือทางลมหายใจ
นิโคติน จะทำให้ไขมันในเส้นเลือดเพิ่มขึ้น เส้นเลือดหัวใจตีบและเกิดโรคหัวใจขาดเลือดหล่อเลี้ยง ทำให้ความดันสูง หัวใจเต้นเร็วทำลายเนื้อปอดและถุงลมปอดอีกด้วย

2 . ทาร์ ( Tar ) เป็นคราบมันข้นเหนียว สีน้ำตาลแก่ เกิดจากการเผาไหม้ของกระดาษและใบยาสูบ จะทำลายถุงลมปอดทำให้เกิดโรคถุงลมโป่งพอง หอบเหนื่อยง่าย ไอเรื้อรัง และอาจทำให้เกิดโรคมะเร็งบริเวณเนื้อเยื่อที่สัมผัสกับสารนี้ ขณะสูบบุหรี่ ทาร์จะตกค้างอยู่ในปอด หลอดลมใหญ่ และหลอดลมเล็ก ประมาณร้อยละ 90 จะขับออกมาพร้อมลมหายใจเพียงร้อยละ 10 เท่านั้น ดังนั้น ทาร์ จึงเป็นตัวการทำให้เกิดโรคมะเร็งปอด ซึ่งเป็นโรคที่ทรมานมากก่อนเสียชีวิต ในบุหรี่ 1 มวน มีทาร์ในปริมาณต่างกันตั้งแต่ 2.0 มิลลิกรัม จนถึง 3.0 มิลลิกรัม แล้วแต่ชนิดของบุหรี่


โทษของบุหรี่

1 . โรคมะเร็ง ในอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น มะเร็งที่ปาก ที่ลิ้น ที่กล่องเสียง แต่ที่เป็นมากที่สุดคือ มะเร็งปอด สมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา และกระทรวงสาธารณสุขแห่งสหรัฐอเมริกาได้รายงานผลวิจัย เมื่อ พ.ศ. 2521 ว่าผู้ที่สูบบุหรี่จัด มีโอกาสตายด้วยโรคมะเร็งมากกว่าผู้ไม่สูบบุหรี่ 20 เท่า

2 . โรคทางเดินหายใจ ผู้สูบบุหรี่จัดมีอาการไอเรื้อรัง บางครั้งไอถี่มากจนไม่สามารถหลับนอนได้ แต่เมื่อหยุดสูบอาการจะบรรเทาและหายไปในที่สุด นอกจากนี้ทาร์ในควันบุหรี่จะสะสมอยู่ในปอด วันละเล็กวันละน้อย จนในที่สุดถุงลมปอดโป่งพองจนไม่สามารถหดตัวกลับได้ มีผลทำให้ปอดไม่สามารถแรกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนได้มากเท่าเดิมจึงทำให้หายใจขัด หอบ และหากเป็นเรื้อรังอาจทำให้ถึงแก่ความตายได้ง่ายเช่นเดียวกันนอกจากนี้ยังพบว่าการสูบบุหรี่ทำให้เป็นโรคอื่นได้อีกหลายอย่าง เช่น โรคกระเพาะอาหารเป็นแผล โรคความดันเลือดสูง โรคตับแข็ง โรคปริทนต์ โรคโพรงกระดูกอักเสบ เป็นต้น และยังส่งผลต่อบุคลิกภาพของผู้สูบบุหรี่อีกด้วย


ข้อดีของการเลิกบุหรี่

1 . สุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้น

2 . อายุยืน

3 . การไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น

4 . การทำงานของประสาทในการรับรส และกลิ่นดีขึ้น

5 . อาการไอ และเสมหะลดลง

6 . สมรรถภาพทางเพศดีขึ้น

7 . ปอดทำงานได้ดีขึ้น

8 . ภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น


1. ถ้าดื่มน้ำอัดลมมากและรับประทานอาหารอื่นน้อย
จะทำให้ขาดสมดุลทางโภชนาการ ที่สำคัญคือ
ในเด็กถ้าปล่อยให้ดื่มแต่น้ำอัดลมไม่ได้ดูแล
ให้รับประทานอาหารให้ครบตามหลักโภชนาการ
อาจขาดสารอาหารได้


2. ถ้าดื่มน้ำอัดลมในเวลาที่ใกล้จะถึง
หรือในระหว่างรับประทานอาหารมื้อหลัก
ทำให้อิ่มและทานอาหารได้น้อยลง


3. น้ำอัดลมทำให้ฟันผุ เนื่องจากน้ำอัดลมมีน้ำตาล
เป็นส่วนประกอบในปริมาณมาก
และมีสภาวะเป็นกรดด้วย ได้แก่ กรดคาร์บอนิก
จะไปกัดกร่อนเคลือบฟัน ทำให้ฟันผุได้


4. น้ำอัดลมทำให้ท้องอืด เพราะเกิดก็าซในกระเพาะอาหาร
และสภาวะที่เป็นกรดของน้ำอัดลมก็ไม่เหมาะ
กับผู้ที่เป็นโรคกระเพาะอาหารด้วย


5. น้ำอัดลมดื่มได้พลังงานอย่างเดียว
แต่เป็นพลังงานที่ว่างเปล่าหรือ
Emptycalories โดยไม่มีสารอาหารอื่น ๆ
ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีก


6. คาเฟอีนในน้ำอัดลมส่งผลต่อร่างกาย เช่น
ในวัยเด็กที่ดื่มน้ำอัดลมที่ผสมคาเฟอีน
จะมีรูปแบบการนอนที่ผิดแผกไปจากเดิม
เด็กเหล่านี้จะนอนไม่หลับในเวลากลางคืน
และง่วงนอนในตอนกลางวัน
ทำให้เด็กมีผลการเรียนที่ต่ำลงกว่าเดิมด้วย
คาเฟอีนที่มีในน้ำอัดลมบางชนิดจะไปกระตุ้นสมอง
อาจทำให้ผู้ดื่ม (ที่ค่อนข้างไวต่อคาเฟอีน)
เกิดใจสั่นและปวดศีรษะได้


7. การดื่มน้ำอัดลมบ่อย ๆ
ไม่ค่อยมีประโยชน์ต่อร่างกายเท่าไรนัก
ถ้าดื่มทุกวันหรือทุกมื้ออาหารจะทำให้ร่างกาย
ได้รับน้ำตาลมากโดยไม่จำเป็น